วัตถุประสงค์ :เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงของระดับสายตาเปรียบเทียบระหว่างการวัดระดับสายตาโดยใช้ยาลดการเพ่งTropicamide เทียบกับยาลดการเพ่ง cyclopentolate ที่ศูนย์จักษุกุมาร สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และภาควิชาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิธีการศึกษา :เป็นการศึกษาย้อนหลังจากเวชระเบียนในผู้ป่วยคลินิกสายตาเด็กที่มาด้วยปัญหาตามัวจำนวน 163 คน (326 ตา) แบ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ยา 1% Tropicamide จำนวน 76 คน (152 ตา) และกลุ่มที่ใช้ยา 1% cyclopentolate จำนวน 87 คน (174 ตา) ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน 2547 ถึง เดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งได้รับการตรวจด้วยเครื่องวัดสายตาอัตโนมัติ ก่อนและหลังการหยอดยาลดการเพ่งแล้วเปรียบเทียบค่าระดับสายตาผิดปกติที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการใช้ยาทั้งสองชนิด ผลการศึกษา :ผู้ป่วย 163 คน (เด็กหญิง 91 คนและเด็กชา 72 คน) อายุระหว่าง 4-14 ปี (เฉลี่ย 8.4 ± 2.7 ปี) ซึ่งมาที่คลินิกสายตาเด็กด้วยปัญหาตามัว พบว่ากลุ่มที่ใช้ยา 1%tropicamide จะมีค่าสายตาที่เปลี่ยนไปหลังการหยอดยาอย่างมีนัยสำคัญในเด็กที่อายุตั้งแต่ 6-14 ปี (p < 0.05) ส่วนในเด็กอายุ 4 และ 5 ปี ผลของการเปลี่ยนแปลงของสายตาหลังหยอดยาไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) และเมื่อเปรียบเทียบผลค่าสายตาที่เปลี่ยนแปลงหลังการหยอดยา 1% tropicamide และยา 1% cyclopentolate ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในทุกช่วงอายุ ทั้งในกลุ่มที่มาด้วยปัญหาสายตาสั้นและกลุ่มที่มาด้วยปัญหาสายตายาว สรุป :ผู้ป่วยเด็กที่มาด้วยปัญหาตามัว อาจใช้ยา 1% tropicamide ทดแทนยา 1% cyclopentolate ในการทำ cycloplegic refraction ได้ในทุกช่วงอายุ